หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

แอร์โฮสเตส









คำว่า ( AIR ) HOSTESS นั้น ความหมายตามพจนานุกรม คือ เจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิง ส่วน ( AIR ) STEWARD นั้น หมายถึง ผู้พิทักษ์

แอร์โฮสเตส และสจ๊วต จึงหมายถึงผู้พิทักษ์ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารบน อากาศยาน โดยมีหน้าที่ต่างๆ เช่น คอยดูแลช่วยเหลือผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉิน รับผิดชอบครวจเช็คอุปกรณ์ประจำเครื่องตามจุดต่างๆ เช่น ถังออกซิเจน เครื่องดับเพลิง ไฟฉาย หน้ากากออกซิเจน และเสื้อชูชีพ สำหรับสาธิตให้ผู้โดยสาร ฯลฯ ให้ครบถ้วนถูกต้องตามรายการ และอยู่ในสภาพใช้การได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการให้บริการด้านต่างๆ แก่ผู้โดยสาร เช่น การเตรียมอาหาร การเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม การให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้โดยสารที่เกิดเจ็บป่วย การจัดหาที่นั่งให้กับผู้โดยสาร ตรวจดูให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดก่อนเครื่องบินขึ้นหรือลง แจกหนังสือพิมพ์ นิตยสารให้ผู้โดยสารอ่าน และดูแลรักษาความสะอาดเรียบร้อยในห้องผู้โดยสารและห้องน้ำ รวมทั้งให้บริการด้านอื่นๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร

--> คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ

แอร์โฮสเตส และ สจ๊วต เป็นอาชีพที่ให้บริการแก่ผู้โดยสาร ฉะนั้น ผู้ที่ประกอบอาชีพทางด้านนี้ ยังควรมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น

1. มีกิริยามารยาท สุภาพอ่อนโยน อบอุ่น และมีท่วงท่าที่นุ่มนวล
2. มีบุคลิกภาพดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความเป็นมิตรกับผู้อื่น และสามารถปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นและสังคมได้ง่าย
3. มีความอดทนต่อความยากลำบากของงาน อดทนต่อปฏิกิริยาของผู้โดยสาร และมีความอดทนต่อเพื่อนร่วมงานต่างๆ
4. แต่งตัวดี สะอาด และเรียบร้อย
5. มีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
6. มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ
7. มีใจรักงานทางด้านบริการ มีมนุษยสัมพันธ์ดี และมีความห่วงใยเอาใจใส่อย่างจริงใจที่จะมอบให้แก่ผู้โดยสาร
8. มีความรู้ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศอื่นๆดี
9. สามารถว่ายน้ำได้
10. เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่

--> การทำงาน

การทำงานของแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้น เป็นเวลาที่ไม่แน่นอนไม่เลือกกลางวันหรือกลางคืน ขึ้นอยู่กับเที่ยวบินหรือสายการบินที่จะเดินทาง ว่าจะออกกี่โมงและในการเดินทางแต่ละครั้งทั้งสจ๊วต และแอร์โฮสเตสจะต้องกำหนดเวลาในการเดินทางไปสนามบินเผื่อไว้ทุกครั้ง โดยจะต้องเดินทางไปถึงสนามบินก่อนเครื่องบินออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมตัวและไม่ตกเครื่องบิน แอร์โฮสเตสและสจ๊วตจึงต้องเป็นผู้มีความรับผิดชอบอยู่สูง

--> โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ

ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความรับผิดชอบ มีมนุษยสัมพันธ์ และมีความกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ ย่อมมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งไปสู่ตำแหน่งงานที่สูงกว่าและดีกว่า ตั้งแต่เริ่มแรก คือ เมื่อสจ๊วตและแอร์โฮสเตสได้รับการฝึกอบรมครบ 8 สัปดาห์แล้ว ก็จะเริ่มปฏิบัติงานจริง โดยในช่วงเดือนแรกจะเป็นช่วงของการทดลองงาน (บินภายในเอเชีย) จะมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน จากซุปเปอร์ไวเซอร์ หรือ หัวหน้างาน ซึ่งจะประเมินผลในทุกๆด้าน เช่น การให้การบริการ การตรงต่อเวลา การร่วมมือประสานงานกัน การแสดงออก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อารมณ์ และทัศนคติ เป็นต้น เมื่อพ้นช่วงทดลองงาน 6 เดือนแล้ว จึงจะได้บินไป ตะวันออกกลางและพอผ่านการทดลองงาน 1 ปี จึงจะได้บินข้ามทวีป แต่ก็ยังคงทำงานในชั้นประหยัด ( Economy Class ) เหมือนเดิม จนกระทั่ง 1 ปี 6 เดือน จึงจะมีสิทธิ์สมัครชั้นธุรกิจ ( Royal Executive Class )ได้ การคัดเลือกครั้งนี้จะพิจารณาจากประวัติการทำงาน พอพ้นจากชั้นธุรกิจจึงจะมีสิทธิ์สมัครทำงาน ในชั้นหนึ่ง ( Royal First Class ) ทุกครั้งที่เลื่อนชั้นการทำงานก็จะได้รับการอบรมเพิ่มเติมทั้งในด้านอาหาร เครื่องดื่ม การบริการ และการดูแลรักษาความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินเสมอ

นอกจากความก้าวหน้าในการเลื่อนตำแหน่งของชั้นบริการแล้ว แอร์โฮสเตสและสจ๊วต ยังมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งอื่นๆอีก เช่น เลื่อนเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ เป็นครูฝึก เป็นต้น

--> ความต้องการแรงงาน

การประกอบอาชีพแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้นเป็นอาชีพที่ต้องการความคล่อง แคล่ว ว่องไว ผู้ประกอบอาชีพในตำแหน่งนี้ จึงมักเป็นผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ แต่พอมีอายุมากขึ้นก็ต้องย้ายไปทำงานในส่วนอื่น ที่มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป จึงทำให้การปลดเกษียณอายุของการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสั้นกว่าการ ทำตำแหน่งอื่น ( ผู้ที่ปลดเกษียณการเป็นพนักงานต้อนรับ มักจะสามารถทำงานในภาคพื้นดินได้ ) ทำให้ความต้องการของอาชีพนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบกับการขยายตัวของสายการบินต่างๆ ตลอดจนความเจริญก้าวหน้าทางธุรกิจ ที่เป็นต้นเหตุให้คนในประเทศต่างๆต้องมีการติดต่อกันเพื่อผลทางธุรกิจ จึงทำให้มีผู้คนที่ต้องเดินทางเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ที่มาติดต่อธุรกิจหรือผู้ที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงเป็นอาชีพที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่ตราบเท่า ที่มีการขยายตัวของสายการบินต่างๆทั่วโลก


งานของแอร์โฮสเตสและสจ๊วต



พนักงานเสริฟอาหารบนเครื่องบิน ที่ต้องคอยปรนนิบัติเอาใจผู้โดยสาร แต่หน้าที่จริง ๆ ไม่ได้มีเท่านั้น ยังรวมไปถึงการปฏิบัติการในสถานการณ์ฉุกเฉินบางอย่าง เช่น คอยดูแลผู้โดยสารที่เจ็บป่วย ให้ความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร หรือผู้โดยสารรู้สึกเสียขวัญกับการเดินทางไฟลท์นั้น ต้องคอยดูแลคล้ายกับจิตแพทย์ หรือสามารถเป็นที่พึ่งได้ ในแต่ละปีจะมีผู้ที่สมัครเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินต่าง ๆ กว่า 5000 คน แต่รับได้เพียง 80 – 120 คนเท่านั้น
คุณสมบัติ
มีบุคลิกดี ยิ้มง่าย ใจเย็น อ่อนหวาน และต้องมีเชาว์ไหวพริบ กล้าตัดสินใจกรณีมีเหตุฉุกเฉิน ผู้หญิงสูง 160 เซนติเมตรขึ้นไป ผู้ชายสูง 165 เซนติเมตรขึ้นไป รูปร่างสมส่วน ไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป สายตาใช้การได้ดี ต้องไม่สวมแว่น แต่ถ้าสายตาสั้นเล็กน้อย หาคอนแทคเลนส์ใส่ได้ ส่วนเรื่องหน้าตา เน้นหน้าตารับแขกมากกว่าความสวยงาม

การเตรียมตัว
ภาษาอังกฤษเป็นหลัก วุฒิการศึกษาจบ ม.6 ทั้งสายวิทย์หรือศิลป์ แต่ 90% ของผู้สมัคร มักจบปริญญาตรีขึ้นไป อาจเพราะผู้ผ่านการศึกษาระดับนี้ มีประสบการณ์มากกว่า







เตรียมความพร้อมก่อนการเป็นแอร์โฮสเตส


Thai Airways International (Public) Company Limited
สายการบินแห่งชาติ ความภูมิใจของคนไทย


ถ้า เอ่ยถึงสายการบินแห่งชาติและเป็นตัวแทนของประเทศไทย แน่นอนว่าสายการบินที่กำลังกล่าวถึงอยู่นั้นก็คือ “การบินไทย” หรือที่เราได้ยินชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เจ้าจำปี”

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
เป็น สายการบินแห่งชาติที่รับผิดชอบกิจการการบินพาณิชย์ทั้งเส้นทางการบินระหว่าง ประเทศและเส้นทางบินภายในประเทศ และดำเนินกิจการเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งนับรวมเป็นเวลาเกือบครึ่งศตวรรษแล้วที่บริษัท การบินไทยฯ ยังคงสร้างชื่อเสียงทางด้านธุรกิจการบินมาจวบจนทุกวันนี้ หากย้อนกลับไปถึงสมัยแรกเริ่มก่อตั้งนั้น การบินไทยเริ่มก่อตั้งขึ้นโดยทำสัญญาร่วมทุนระหว่างบริษัท เดินอากาศไทย จำกัด กับสายการบินสแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์ ซิสเต็ม (SAS) และจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเมื่อปี พ.ศ.2503 ต่อมาในปี พ.ศ.2520 ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดคืนจาก SAS และเป็นสายการบินของคนไทยอย่างแท้จริงจนกระทั่งปัจจุบัน

บริษัท การบินไทยฯ ในฐานะที่เป็นสายการบินแห่งชาติ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นสายการบินระดับโลก และดำเนินกิจการการแข่งขันทางธุรกิจการบินกับนานาประเทศ ได้พิสูจน์คุณภาพในระดับสากลด้วยการได้รับรางวัลในด้านต่างๆ ในระดับยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้โดยสารที่มาใช้ บริการจากทั่วโลก รวมทั้งการประเมินผลจากองค์กรต่างประเทศซึ่งเป็นที่ยอมรับ เช่น ในปี 2549 ได้รับรางวัลชนะเลิศการให้บริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน รางวัลสายการบินยอดเยี่ยมของโลก รางวัลสายการบินที่ให้บริการในเส้นทางเอเชียดีเด่น รางวัลสายการบินที่เป็นเลิศในการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัท การบินไทยฯ ยังเป็นพันธมิตรทางการบิน Star Alliance ร่วมกับสายการบินนานาชาติชั้นนำด้วย

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของการบินไทย
นอก จากบริษัท การบินไทยฯ จะมุ่งเน้นการปฏิบัติการบินที่มีความปลอดภัยสูงแล้วยังมุ่งเน้นให้บริการ ลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด บริษัท การบินไทยฯ ได้ให้ความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพบุคลากรและพัฒนาการบริการสู่ความเป็นเลิศ ด้วยเสน่ห์ไทยอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอตามวิสัยทัศน์ของบริษัท การบินไทยฯ ที่กำหนดว่า “เป็นสายการบินที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก ให้บริการดีเลิศด้วยเสน่ห์ไทย (First Choice Carrier with Touches of THAI)”

แม้ ว่าปัจจุบันบริษัท การบินไทยฯ จะรับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชาวญี่ปุ่น เกาหลี จีน และไต้หวันมาเสริมการบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและเพิ่มความพึง พอใจให้แก่ผู้โดยสาร อย่างไรก็ตามพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชาวไทยถือเป็นหัวใจหลักหรือตัวขับ เคลื่อนที่สำคัญขององค์กร

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของบริษัท การบินไทยฯ นั้นเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติทั่วโลกทั้งในด้านของการบริการ และการมีเอกลักษณ์ไทยที่โดดเด่นด้วยบุคลิกที่ยิ้มแย้ม สุภาพอ่อนหวาน มีน้ำใจ การคัดเลือกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและการฝึกอบรมพนักงานต้อนรับบน เครื่องบินเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพื่อให้ได้บุคลากรที่มีคุณภาพ

การ ฝึกอบรมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินใหม่ของบริษัท การบินไทยฯ ใช้ระยะเวลาประมาณ 8 สัปดาห์ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ ฝ่ายฝึกอบรมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (QB) สถานที่ในการฝึกอบรม คือ ศูนย์ฝึกอบรมลูกเรือ สำนักงานหลักสี่ และมีการใช้อุปกรณ์ในการฝึกอบรมที่ทันสมัย




การเตรียมความพร้อมก่อนปฏิบัติการบิน
จาก การที่ได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์ลูกเรือ (Crew center) ของการบินไทย ที่อาคารศูนย์ปฏิบัติการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เห็นได้ชัดเจนว่า ทางบริษัท การบินไทยฯ เน้นเรื่องความปลอดภัยอย่างรัดกุม และมีการเตรียมความพร้อมของพนักงานก่อนปฏิบัติการบินเพื่อการให้บริการอย่าง มีประสิทธิภาพ โดยพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะต้องมาถึงที่ศูนย์ลูกเรือ (Crew center) อย่างน้อย 2 ชั่วโมง ก่อนเวลา Deperture Time ของเที่ยวบินเพื่อมาฟังการสรุปข้อมูล (Briefing) เกี่ยวกับ Emergency ขั้นตอนการบริการ รวมทั้งรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีการกำหนดหน้าที่การปฏิบัติงานอย่างชัดเจน

คุณสมบัติของผู้สนใจสมัครตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
จำนวน อัตราที่บริษัท การบินไทยฯ ต้องการรับสมัครในตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และการกำหนดระยะเวลาการจ้างของพนักงานขึ้นกับนโยบายของบริษัท ส่วนข้อมูลคุณสมบัติเบื้องต้นที่มีการกำหนดที่ผ่านมามีดังต่อไปนี้
คุณสมบัติทั่วไป
ผู้สมัครหญิง
- สัญชาติไทย สถานภาพโสด
- อายุไม่เกิน 26 ปี
- ความสูงไม่น้อยกว่า 160 เซนติเมตร และน้ำหนักต้องได้สัดส่วนกับความสูง
- สามารถว่ายน้ำได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 50 เมตร โดยต้องว่ายท่าฟรีสไตล์ได้ด้วย

ผู้สมัครชาย
- สัญชาติไทย สถานภาพโสด ผ่านหรือได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร ตามระเบียบของทางราชการแล้ว
- อายุไม่เกิน 28 ปี
- ความสูงไม่น้อยกว่า 165 เซนติเมตร และน้ำหนักต้องได้ส่วนกับความสูง
- สามารถว่ายน้ำได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 100 เมตร โดยต้องว่ายท่าฟรีสไตล์ได้ด้วย

คุณสมบัติอื่น
- วุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ไม่จำกัดสาขา ผู้สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศต้องมีหนังสือรับรองการเทียบวุฒิจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษามาแสดงพร้อมกันด้วย
- ผ่านการทดสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ Test of English for International Communication (TOEIC) 600 คะแนนขึ้นไป หรือ Test of English as a Foreign Language (TOEFL) 500 คะแนนขึ้นไป หรือ
- International English Language Testing System (IELTS) 5.5 คะแนนขึ้นไป ผลการทดสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษดังกล่าวต้องไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันที่ยื่นใบสมัคร
- มีความรู้ความสามารถในการพูดและเข้าใจภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี และ หากมีความสามารถในการสื่อสารภาษาต่างประเทศอื่นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษด้วย โดยเฉพาะภาษาจีน ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาเลียน ญี่ปุ่น และสเปน จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณา
- สุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่สวมแว่นสายตา
- มีมนุษย์สัมพันธ์ดี มีความกระตือรือร้น เอาใจใส่ และรักงานบริการ
- มีบุคลิกภาพดีและเหมาะสมในการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน




ข้อแนะนำในการสมัครงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
ใน ส่วนของการสมัครต้องสมัครผ่านทาง http://www.thaiairways.com ทั้งนี้ จะต้อง Print ใบสมัครที่กรอกข้อมูลประวัติส่วนตัวเรียบร้อยแล้วจากระบบ (ใบสมัครนั้นจะต้องที่มีหน้าที่ผู้สมัครลงนามเป็นลายลักษณ์อักษร) พร้อมนำเอกสารประกอบการสมัครงานฉบับจริงพร้อมสำเนามายื่นกับทางบริษัทด้วยตน เองเท่านั้น ตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด โดยที่ผ่านมาสถานที่รับสมัคร คือ อาคารศูนย์ฝึกอบรมลูกเรือ อาคาร 2 ชั้น 1 บริษัท การบินไทยฯ สำนักงานหลักสี่ ถ้าหากไม่มายื่นเอกสารตามที่กำหนดถือว่าสละสิทธิ์

ผู้สมัครต้องเตรียมเอกสารประกอบการสมัครจำนวนอย่างละ 1 ชุด ซึ่ง ได้แก่ ปริญญาบัตร และ Transcript หรือใบรายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์ที่แสดงว่าสอบผ่านครบถ้วนทุกวิชา ทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน ใบรับรองผลคะแนนจากสถาบัน TOEIC หรือ TOEFL หรือ IELTS ฉบับจริงเท่านั้น รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป และผู้สมัครชายต้องมีหลักฐานแสดงการผ่านหรือได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหารตาม ระเบียนของทางราชการ (รับเฉพาะ สด.8 หรือ สด. 43 เท่านั้น)

การแต่งกายของผู้สมัคร ควร แต่งกายสุภาพตามแบบสากลทั่วไป สำหรับผู้สมัครหญิงให้สวมเสื้อแขนสั้นความยาวไม่เกินข้อศอก และกระโปรงยาวเหนือระดับเข่าเล็กน้อย รองเท้าหุ้มส้น ส้นสูงไม่เกิน 2.5 นิ้ว

นับว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยของเรามี สายการบินแห่งชาติที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลกอย่างเสมอมาและยาวนานนับหลาย สิบปี เพราะฉะนั้นการที่ได้ร่วมงานกับการบินไทยก็ถือว่าสามารถยืดอกบินได้อย่าง เต็มภาคภูมิ








เคยไหมที่รู้สึกตื่นเต้น ประหม่า และกลัวแบบไม่มีสาเหตุเมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์งาน แถมบ่อยครั้งที่เจอคำถามง่ายๆ แต่ไม่รู้จะตอบอย่างไร


หลักในการตอบคำถามสัมภาษณ์ ควรตอบให้ตรงประเด็น กระชับ ได้ใจความ มีความคิดสร้างสรรค์รวมถึงยกตัวอย่างเพื่อให้คำตอบชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญข้อมูลต้องถูกต้องและเป็นความจริง ซึ่งโดยทั่วไปการสัมภาษณ์ส่วนใหญ่จะใช้เวลาตั้งแต่ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และตำแหน่งงานของผู้สมัคร นอกจากการเตรียมตัวตอบคำถาม ควรให้ความสำคัญเรื่องการแต่งกายและความตรงต่อเวลาด้วย

นี่คือสิบคำถามโหดที่ต้องผ่านไปให้ได้ ลองอ่านคำแนะนำในการผ่านด่านอรหันต์เป็นแนวทาง แล้วนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับรูปแบบการสัมภาษณ์ของตัวเอง อย่าลืมว่า 10 คำถามนี้ไม่มีคำตอบใดที่ถูกหรือผิด เพราะล้วนแต่เป็นคำถามที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ ทัศนคติต่างๆ เกี่ยวกับงาน ที่จะบ่งบอกความฉลาดในตัวคุณ

ที่สำคัญ หากมีการเตรียมพร้อมและซ้อมมากเท่าไหร่ ความมั่นใจก็มากขึ้นเท่านั้น เหมือนอย่างที่สามก๊กกล่าวไว้ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง


ด่านหิน ที่เตรียมฝึกวิทยายุทธ์ไปได้เลย

1. ช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวคุณให้เราฟัง

Do
ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีสั้นๆ แบบกระชับได้ใจความ บอกเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ รวมถึงยกตัวอย่างให้ฟังเพื่อช่วยอธิบายและเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเรา

เช่น "หลังจากเรียนจบด้านบัญชีและทำงานที่บริษัทตรวจสอบบัญชีมา 5 ปี ทำให้เป็นคนทำงานเร็วและละเอียดรอบคอบ เพราะการตรวจสอบบัญชีแต่ละครั้งมีระยะเวลากำหนดชัดเจนว่ากี่วันหรือกี่ สัปดาห์ ทั้งยังฝึกความเป็นผู้นำ เพราะต้องดูแลน้องในทีมที่ออกตรวจงานด้วยกัน รวมถึงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี สิ่งเหล่านี้ทำให้ดิฉันได้รับมอบหมายดูแลงานโปรเจคใหญ่ๆ อยู่เสมอ"

Don't
การเล่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง ตั้งแต่จบประถม มัธยม เข้ามหาลัย จนทำงาน แต่ไม่มีจุดเด่นอะไรเพียงพอที่จะทำให้ผู้สัมภาษณ์รู้สึกสนใจในตัวคุณ


2. ทำไมคุณถึงคิดว่าเหมาะกับงานนี้

Do
โอกาสมาถึงแล้ว อย่ากลัวที่จะพูด อาจจะเริ่มจากประสบการณ์และความสามารถที่เคยผ่านมา อันเป็นสาเหตุทำให้คุณเหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ แล้วต่อด้วยเหตุผล ตัวอย่าง กรณีศึกษา สิ่งที่เป็นจุดเด่นและแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น

กรณีที่เพิ่งจบการศึกษาหมาดๆ ถ้าสมัยเรียนทำกิจกรรมมาเยอะ เช่น ออกค่าย ฝึกงาน โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน ฯลฯ อย่าลังเลที่จะบอกเล่าว่ากิจกรรมเหล่านั้น ทำให้ตัวเองเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่าย รู้จักปรับตัว ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น และเรียนรู้เร็ว เป็นต้น

หากตกที่นั่งเด็กเรียน ไม่ค่อยสนใจกิจกรรม ให้ตอบว่าเป็นคนที่ทุ่มเทกับเรื่องที่ได้รับผิดชอบ เช่น เรื่องเรียนหรือรายงานกลุ่ม อาจยกเกรดเฉลี่ยเลขสวยๆ มาเป็นตัวอย่าง หรือวิธีการเลือกวิชาเรียน ที่แสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมตัว วางแผนการเรียนมาเป็นอย่างดี

Don't
การตอบคำถามสั้นๆ เช่น "ด้วยประสบการณ์ทำงาน 2 ปีที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าสามารถทำงานนี้ได้" แล้วจบทันที ในกรณีนี้ คุณอาจจบเห่ เพราะไม่มีเหตุผลและตัวอย่างที่จะทำให้ผู้สัมภาษณ์เชื่อและมั่นใจในตัวคุณ


3. ตามความเข้าใจของคุณ คิดว่าตำแหน่งนี้ต้องรับผิดชอบงานอะไรบ้าง

Do
ทำการบ้านก่อนมาสัมภาษณ์ด้วยการอ่านรายละเอียดของงานและคุณสมบัติของผู้ สมัครที่ทางบริษัทต้องการ ทำความเข้าใจกับมัน ตอบให้สั้นและกระชับใจความ สิ่งสำคัญก่อนตอบต้องมั่นใจว่าเข้าใจ ถ้าไม่แน่ใจส่วนไหนไม่ต้องกลัวที่จะถาม อาจตั้งคำถามกลับในทำนองว่า เข้าใจตำแหน่งงาน แต่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับข้อมูลกลุ่มลูกค้า และผลิตภัณฑ์มากนัก อยากให้ช่วยอธิบายให้เข้าใจในเบื้องต้น

Don't
ถ้าไม่รู้ อย่าพยายามตอบ เพราะถ้าตอบผิด นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้ทำการบ้านมา ไม่ได้ให้ความสนใจกับงานนี้ แถมยังมั่วอีกต่างหาก


ผ่าน 3 ด่านอรหันต์มาได้ ที่เหลือไม่น่ายากเกินความสามารถ


4. คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง

Do
ก่อนมาสัมภาษณ์งาน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทราบและเข้าใจข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับองค์กรที่สมัคร เช่น ผลิตภัณฑ์ กลุ่มลูกค้า คู่แข่ง ภาพลักษณ์องค์กร ที่มาและประวัติขององค์กร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า คุณได้ทำการบ้านมา และให้ความสนใจกับองค์กรอย่างแท้จริง อย่าลืมย้ำตอนท้ายด้วยว่า หลังจากที่ศึกษาเกี่ยวกับองค์กร ทำให้เรามีความสนใจที่อยากจะทราบเกี่ยวกับองค์กรเพิ่มเติม

Don't
การตอบแบบมั่นใจในตัวเองจนเกินไป หรือคำตอบที่สร้างภาพพจน์ไม่ดีให้กับตัวเอง เช่น "ทราบมาว่าที่นี่กำลังขาดผู้จัดการฝ่ายการตลาด ด้วยประสบการณ์งาน 3 ปีในด้านนี้ ทำให้คิดว่าสามารถแก้ปัญหานี้ได้" คำตอบอย่างนี้นอกจากไม่สร้างทัศนคติที่ดีขององค์กรให้กับตัวเองแล้ว ยังเป็นการโอ้อวดตัวเองเกินไป


5. อะไรคือจุดมุ่งหมายระยะยาวในการทำงานของคุณ

Do
พูดถึงสิ่งที่อยากทำในอนาคต และต้องบอกวิธีที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ซึ่งควรจะเกี่ยวข้องกับงานที่สัมภาษณ์อยู่ เช่น อีก 5 ปีข้างหน้าอยากเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่เต็มไปด้วยศักยภาพและความสามารถ ในการพัฒนาพนักงานและองค์กรให้มีประสิทธิภาพ การที่จะถึงจุดนั้นได้ต้องมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี เช่น การได้มีโอกาสทำงานที่บริษัทนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งในการเตรียมตัวสำหรับอนาคต และอาจเพิ่มเติมตัวอย่าง เช่น วิธีการทำงานของตน เป็นต้น

Don't
การตอบในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัครอยู่ (ถึงแม้จะเป็นความจริง) เพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เช่น อยากเปิดร้านอาหารในอีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าตอบเช่นนั้น อาจโดนถามต่อว่าแล้วมาสมัครงานที่นี่ทำไม


6. ถ้าได้งานนี้ คุณคิดว่าจะทำงานที่นี่นานเท่าไหร่

Do
ให้มุ่งประเด็นไปที่ความทุ่มเทของตัวเองและความท้าทายของงาน ด้วยการบอกว่าตราบใดที่งานมีความยากและท้าทาย ก็จะขอจะทุ่มเทความสามารถของตัวเองให้เต็มที่เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับ องค์กร

Don't
บอกแผนการหรือระยะเวลา (ซึ่งเป็นความจริง) เช่น มีแผนไปเรียนต่ออีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือ ทางบ้านมีแผนให้ไปช่วยธุรกิจที่บ้าน


7. อะไรคือจุดอ่อนของคุณ

Do
ควรเลือกจุดอ่อนที่เป็นความจริงและกำลังปรับปรุงหรือพัฒนาในขณะนี้ ที่สำคัญควรบอกผลลัพธ์หลังการปรับปรุงด้วย เช่น ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ซึ่งตอนนี้กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ เรียนมานานเท่าไหร่ ที่ไหน และผลการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง

Don't
มีหลายคนเคยบอกว่าให้เปลี่ยนจุดแข็งให้เป็นจุดอ่อน เช่น เป็นคนทำงานหนักมากๆ ไม่เสร็จไม่กลับ อาจจะฟังดูดี แต่คุณกำลังทำลายตัวเอง เพราะปัจจุบันนี้การรู้จักจัดสรรเวลา (work life balance) เป็นประเด็นสำคัญของคุณภาพชีวิต อีกอย่างคุณกำลังโกหกเพื่อให้ดูดี แถมตอบผิดประเด็นอีกต่างหาก


8. ทำไมคุณถึงลาออกจากงานเก่า

Do
ตอบความจริงให้มากที่สุด แต่สั้นกระชับใจความ ไม่จำเป็นต้องตอบทั้งหมดถ้าความจริงมันเลวร้ายเหลือเกิน อย่าลืมว่าผู้สัมภาษณ์อาจขออนุญาตติดต่อบุคคลอ้างอิงเพื่อทำการตรวจสอบ ข้อมูลเหล่านั้น

Don't
ควรหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ที่ทำงานและนายเก่า เพราะเหล่านี้จะทำให้ภาพลักษณ์ของคุณดูแย่ และนั่นหมายถึงความกล้าที่จะวิจารณ์บริษัทต่อๆ ไปที่คุณร่วมงานด้วย


9. อะไรคือสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบในงานเก่า (หรืองานที่กำลังทำอยู่)

Do
ควรบอกสิ่งที่ชอบมากกว่าสิ่งที่ไม่ชอบ และให้คำอธิบายรวมถึงเหตุผลว่าทำไมเราจึงคิดเช่นนั้น

Don't
บอกในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานหรืออ้างอิงถึงบุคคล เพราะนั่นหมายถึงคุณกำลังวิจารณ์คนอื่น ไม่จำเป็นต้องเล่าทุกอย่างที่แย่ๆ เกี่ยวกับงาน เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา


10. อะไรคือสิ่งที่คุณประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต

Do
ควรจะเป็นเรื่องที่รู้สึกภูมิใจที่สุดในช่วง 1-2 ปีของการทำงาน คุณอาจพูดถึงการเลื่อนขั้น ปรับตำแหน่งในการทำงาน หรือตลอดระยะเวลาที่ทำงานมามีแต่ความราบรื่นไม่เคยมีปัญหากับลูกค้า

หากคุณมีความสำเร็จชัดเจน เช่น สามารถทำยอดการขายได้ทะลุเป้า 200% หรือ สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ 25% ให้เล่าที่มาของเรื่องนั้น วิธี แนวดำเนินการ ผลลัพธ์ ตลอดจนอุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมถึงวิธีการแก้ปัญหา

ถ้าเป็นผู้สมัครที่เพิ่งจบการศึกษาหมาดๆ อาจจะพูดถึงเกรดเฉลี่ย หรือความภาคภูมิใจที่สามารถสอบเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียงได้

Don't
การแต่งเรื่องขึ้นเองหรือพูดเกินจริงกว่าสิ่งที่ได้ทำ ส่งผลให้วิธีการเล่าแตกต่างไป ซึ่งผู้สัมภาษณ์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะสามารถตั้งคำถามต้อนจนจับได้ว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น


Guru Tips
*บริษัทบางแห่ง คำถามเหล่านี้จะถูกถามเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นถ้าจะให้ดี ควรฝึกตอบทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

*ก่อนเข้าสู่ด่านอรหันต์ปราบเซียน ควรฝึกซ้อมหน้ากระจกก่อน เพื่อตรวจบุคลิกภาพ ที่สำคัญต้องมี eye contact หรือสบตาผู้สัมภาษณ์ อย่าหลบตาหรือมองเพดานเวลาสัมภาษณ์ แม้กระทั่งการนั่งเท้าคางหรือเท้าโต๊ะ ก็เป็นการทำให้คะแนนบุคลิกภาพลดลงอย่างน่าใจหาย


ทำไงดี เจอเจ้านายต่างชาติ
* บริษัทญี่ปุ่น อยากเห็นว่าที่พนักงานที่มีความนิ่ง อดทน อ่อนน้อมถ่อมตน แต่มีความมั่นใจในตัวเอง พูดจาไม่เยิ่นเย้อ สั้น กระชับ และหากสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ รับรองได้เปรียบกว่าเห็นๆ

* บริษัทฝรั่ง (International Firms) ส่วนใหญ่อยากได้เด็กที่มีความมั่นใจ กล้าพูดกล้าคิด ไฟแรง ทุ่มเท แต่ก็มีชีวิตด้านอื่นด้วยนะ อย่างเช่น มีงานอดิเรกทำ มีเที่ยวเล่นบ้างแต่ก็ทำงาน อีกอย่างที่สำคัญเลย บุคลิกภาพ ต้องดูมั่นใจ ดูคล่อง ฉะฉาน พูดภาษาอังกฤษได้


ขอบคุณข้อมูล นิตยสารสุดสัปดาห์ Column: Career Focus


หมวด : การเตรียมตัวสัมภาษณ์แบบต่างๆ





บุคลิกภาพสร้างความประทับใจ


บุคลิกภาพสร้างความประทับใจ

ผู้ที่มีบุคลิกภาพที่ดี ย่อมเป็นที่จับตามองของคนทั่วไป เคยสังเกตไหมว่าเวลาที่คุณอยู่ในที่ที่มีผู้คนอยู่กันเป็นจำนวนมาก ผู้ที่มีบุคลิกภาพดีมักจะโดดเด่นกว่าผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการจัดทรงผม การแต่งกาย ลักษณะการยืน เดิน หรือการนั่ง ก็ดูแล้วน่ามอง การสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้กับตัวเองนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมและความต้องการของตัวเองเป็นหลัก เพราะถ้าคุณพร้อมและมีความตั้งใจที่จะปรับปรุงบุคลิกภาพอย่างจริงจังไม่ช้าคุณจะเป็นคนที่มีบุคลิกภาพดีได้เช่นกัน หลักปฏิบัติในการพัฒนาตนเองง่ายๆ ดังต่อไปนี้

การจัดทรงผม การเลือกทรงผมให้เหมาะกับตัวเอง โดยเฉพาะให้เหมาะกับรูปหน้าของตนเองก็จะทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น อาจใช้วิธีปรึกษาจากผู้ที่เชี่ยวชาญหรือช่างตัดผมซึ่งมีความชำนาญในด้านนี้อยู่แล้วให้ช่วยออกแบบให้ หรือการจัดแต่งทรงผมให้ถูกกาลเทศะ และโอกาสก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน

การแต่งกาย นอกจากจะจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่เข้าทางแล้ว การเลือกใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับรูปร่าง ตลอดจนให้เหมาะสมกับสถานที่ที่คุณจะไปก็สำคัญ ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่อยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีเศษด้ายขาดรุ่งริ่ง ควรรีดและทำความสะอาดก่อนสวมใส่ทุกครั้ง และไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่ส่งกลิ่นเหม็นอับเพราะจะทำให้คุณดูเสียบุคลิกภาพไปเลยทั้งวัน

การเดิน นั่ง และยืน ผู้ที่มีลักษณะท่าเดิน นั่ง และยืนที่ดี คือ เดินยืดตัว หน้าตรง เดินแกว่งแขนไปมาเล็กน้อย จะแสดงออกถึงความเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองและมีความเชื่อมั่น ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อบุคลิกภาพที่ดีแล้วยังส่งผลดีต่อสุขภาพของคุณด้วย เช่น จะไม่เป็นโรคที่เกี่ยวกับข้อกระดูกต่างๆ ปวดหลัง ปวดข้อต่อ เป็นต้น

การใช้สายตา และแววตา การสบตากับผู้ที่เราคุยด้วยเป็น การสร้างบุคลิกภาพที่ดีในการสนทนาและเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจอีกด้วย การสบสายตามิใช่เป็นการจ้องแบบดุดันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแต่ควรแสดงออก ถึงความสนใจ ความเอาใจใส่ และความปรารถนาจะพูดคุยด้วย รวมถึงการมีแววตาที่มีความเป็นกันเอง และพร้อมที่จะช่วยเหลือและให้ความร่วมมือ เคล็ดลับสำหรับผู้ที่อยากมีแววตาสดใสก็คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการ การมีสุขภาพจิตที่ดีก็จะทำให้คุณมีแววตาที่สดใส และอารมณ์ที่แจ่มใสอยู่เสมออีกด้วย

การใช้คำพูด และน้ำเสียง การใช้คำพูดและน้ำเสียงที่สุภาพก็เป็นอีกหนึ่งบุคลิกภาพที่ดี หลีกเลี่ยงคำพูดที่ก้าวร้าว เหน็บแนม เอะอะโวยวาย และโดยเฉพาะคำพูดที่ทำให้คู่สนทนารู้สึกว่าถูกดูหมิ่นก็ไม่ควรใช้เป็นอย่างยิ่ง

การแสดงพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ไม่ธรรมดา การแสดงพฤติกรรมอื่นๆ ที่คุณทำเป็นประจำจนเกิดความเคยชินก็ทำให้ดูเสียบุคลิกภาพได้ เมื่อคุณทำพฤติกรรมเหล่านั้นในที่สาธารณะ เช่น พฤติกรรมการชอบดึงผม กัดเล็บ แคะจมูก เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ควรทำในที่สาธารณะเพราะจะทำให้คุณดูเสียภาพพจน์และเสียบุคลิกภาพ พฤติกรรมบางอย่างอาจต้องใช้เวลาในการละเลิก แต่ก็ยังดีกว่าที่คุณจะไม่พยายามเลย หันมาให้ความสำคัญของการพัฒนาบุคลิกภาพเพียงสักนิด อาจแค่ปรับเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้คุณดูดีขึ้นมาในทันใด คุณสามารถสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าได้ด้วยตัวคุณเองนะคะ


หมวด : การเตรียมบุคลิกภาพ และเสื้อผ้า


New uniforms from:

http://www.uniformfreak.com/index2a.html



แอร์โฮสเตส และสจ๊วต

แอร์โฮสเตส และสจ๊วต จึงหมายถึงผู้พิทักษ์ความปลอดภัย
และอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารบนอากาศยาน โดยมีหน้าที่ต่างๆ เช่น
คอยดูแลช่วยเหลือผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉินรับผิดชอบครวจเช็คอุปกรณ์ประจำเครื่อง
ตามจุดต่างๆ เช่น ถังออกซิเจน เครื่องดับเพลิง ไฟฉาย หน้ากากออกซิเจน และเสื้อชูชีพ สำหรับสาธิตให้ผู้โดยสาร ฯลฯ ให้ครบถ้วนถูกต้องตามรายการ และอยู่ในสภาพใช้การได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการให้บริการด้านต่างๆ แก่ผู้โดยสาร เช่น การเตรียมอาหาร การเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม การให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้โดยสาร ที่เกิดเจ็บป่วย การจัดหาที่นั่งให้กับผู้โดยสาร ตรวจดูให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดก่อนเครื่องบินขึ้นหรือลง แจกหนังสือพิมพ์ นิตยสารให้ผู้โดยสารอ่าน และดูแลรักษาความสะอาดเรียบร้อย ในห้องผู้โดยสาร และห้องน้ำ รวมทั้งให้บริการด้านอื่นๆ ที่จะอำนวยความสะดวก ให้แก่ผู้โดยสาร

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ

แอร์โฮสเตส และ สจ๊วต เป็นอาชีพที่ให้บริการแก่ผู้โดยสาร ฉะนั้น ผู้ที่ประกอบอาชีพทางด้านนี้ ยังควรมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น

1. มีกิริยามารยาท สุภาพอ่อนโยน อบอุ่น และมีท่วงท่าที่นุ่มนวล
2. มีบุคลิกภาพดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความเป็นมิตรกับผู้อื่น และสามารถปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นและสังคมได้ง่าย
3. มีความอดทนต่อความยากลำบากของงาน อดทนต่อปฏิกิริยาของผู้โดยสาร และมีความอดทนต่อเพื่อนร่วมงานต่างๆ
4. แต่งตัวดี สะอาด และเรียบร้อย
5. มีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
6. มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ
7. มีใจรักงานทางด้านบริการ มีมนุษยสัมพันธ์ดี และมีความห่วงใยเอาใจใส่อย่างจริงใจที่จะมอบให้แก่ผู้โดยสาร
8. มีความรู้ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศอื่นๆดี
9. สามารถว่ายน้ำได้
10. เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่


เส้นทางสู่การเป็น ..แอร์โฮสเตส

“ นางฟ้าบนเครื่องบิน ” ถ้า ลองถามสาวๆ ทั่วโลกถึงอาชีพในฝัน เชื่อแน่นว่า 1 ใน 5 อันดับแรกที่สาวๆ อยากเป็นต้องมีอาชีพแอร์โฮสเตสแน่นนอน เพราะอาชีพนี้นอกจากจะได้แต่งเครื่องแบบสวยๆ มีสวัสดิการ รายได้ดี ยังมีโอกาสได้เห็นโลกกว้างแบบฟรีๆ ด้วย

เส้นทางการเป็นแอร์โฮสเตส

*** ถ้าอยากเป็นแอร์จริงๆก็ควรเรียน คณะมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์
ศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ เพราะเราจะได้เปรียบพื้นฐานภาษามากกว่าคนอื่น
คณะอื่น แต่ถ้าอยากทำอาชีพนี้จริงๆ จะจบมาจาก
คณะไหนเค้าก็รับคะ อย่างที่สำคัญที่สุดเราควรหมั่นฝึกภาษาให้ได้มากที่สุดนะคะ

คุณสมบัติตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนดไว้เราต้องมีเบสิกก็คือ

1. เราต้องมีอายุระหว่าง 20-26 ปี จบการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรี
2. ส่วนสูง 160 เซนติเมตรขึ้นไป น้ำหนักก็ต้องสัมพันธ์กับส่วนสูงด้วย
3. สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และที่เราต้องเตรียมคือหัดว่ายน้ำ เพราะจะมีทดสอบให้ว่ายไปกลับ 50 เมตร
4. ภาษาอังกฤษต้องมีผลสอบโทอิคไม่ต่ำกว่า 600 คะแนน
5. การแต่งตัวในวันที่ไปสมัครควรแต่งให้สุภาพที่สุด ถ้าเป็นของสายการบินไทย ควรใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น
สีขาว กระโปรงสีดำ รองเท้าสีดำหุ้มข้อสูง 2 นิ้วนะค๊ะ และก็อย่าใส่กระโปรงทรงยาว
6. เรื่องทรงผม ห้ามปล่อยผมเด็ดขาด ควรจะรวบผมหรือบางทีอาจจะไปเกล้าผมที่ร้านก็ได้ แต่ไม่ต้องเอา
เวอร์มากนะคะ พอดูสุภาพ หรืออาจจะแสกกลางแล้วรวบคลุมเน็ตก็ได้จร้า
ถ้ามีความสามารถภาษาอื่นด้วยบริษัทจะพิจารณาเป็นพิเศษ นอกจากนั้นต้องเตรียมเรื่องบุคลิกภาพด้วย ซึ่งเราต้องอาศัยถามรุ่นพี่ๆ ที่เป็นแอร์ฯได้ว่าต้องทำยังไงบ้าง รุ่นพี่ก็จะช่วยแนะนำว่าต้องแต่งตัวไปยังไง ให้เรียบร้อยดูดีแบบไหน” เมื่อผ่านมาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด ก็กรอกใบสมัครซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ฉะนั้นจึงต้องเตรียมตัวด้านภาษามาให้ดี ขั้นต่อไปคือการสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการจำนวนหลายคนอาจจะทำให้เกิดความตื่นเต้นได้ ที่สำคัญควจะมีสมาธิและต้องเตรียมควมมพร้อมมาให้เยอะๆนะจ๊ะ

การฝึกอบรม
“สัปดาห์แรกของเราพอเข้ามาปุ๊บต้องเทรนเรื่องเวชศาสตร์การบิน 5 วัน เรียนเรื่องยา การทำคลอด คือสามารถเป็นผู้ช่วยแพทย์ได้ในกรณีที่มีแพทย์อยู่ด้วย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การให้ยาท้องเสีย ท้องอืด หอบกับหืดต่างกันยังไง ลักษณะโรคต่างกันยังไง เทรนตรงนี้ 5 วัน พอเสร็จตรงนี้ก็จะถูกส่งมาฝึกทางด้านความปลอดภัยของแต่ละชนิดเครื่องบิน อุปกรณ์ฉุกเฉินอยู่ตรงไหน ฝึกดับไฟก็ต้องดับไฟจริงๆ ลงน้ำก็ใช้ชูชีพ ใช้ชูชีพยังไง อยู่ยังไง รักษาความอบอุ่นกันยังไง ในกรณีที่เราต้องดำรงชีวิตอยู่ในทะเล กระปำยา อุปกรณ์ฉุกเฉิน แล้ก็ค่อยฟังคำสั่งว่าเราจะไปด้วยกันยังไง ถึงตอนนี้เราจะต้องทำอย่างนี้ๆ นะ ขั้นตอนการให้บริการผู้โดยสาร ในส่วนของอาหารต้องเรียนแม้กระทั่งประโยชน์สมุนไพร โภชนาการ วิธีการประกอบอาหาร อาหารอย่างนี้ประกอบยังไง เพราะบางคนบางศาสนาผู้โดยสารอาจทานไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือบางคนทานมังสวิรัติ ก็ต้องรู้ บางคนทานแป้งสาลีไม่ได้เพราะเลือดจะออกในกระเพาะ ก็จะมีอาหารอีกประเภทสำหรับคนประเภทนั้น รายละเอียดเยอะมาก ถ้าเป็นเครื่องดื่มอย่างเช่นในไวน์แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร เหมาะกับอาหารประเภทไหน กิริยามารยาทก็ต้องฝึก เช่น ไม่ใช้การชี้นิ้วมือ แต่ใช้การผายมือแทน เพราะสุภาพกว่า ซึ่งตรงนี้คุณครูจะสอนมารยาทละเอียดมาก” การอบรมใช้เวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ เมื่อผ่านอบรมแล้วก็จะได้ขึ้นเครื่องจริงๆ เพื่อทดลองงาน เที่ยวบินแรกของสุตาคือพม่า เธอบอกตื่นเต้นมาก งานของเธอบนเที่ยวบินแรกคือการขึ้นไปช่วยงานบริการพี่ๆ แอร์โฮสเตสถือเป็นการสังเกตการณ์ เรียนรู้งาน ไฟลท์สังเกตการณ์จะมีทั้งหมด 4 ครั้งเมื่อบินเสร็จแล้วต้องกลับมาเข้าคลาสเรียนอีก ครูผู้อบรมจะให้แรกเปลี่ยนประสบการณ์กันว่าไปบินแล้วรู้สึกอย่างไง โดยคุณครูจะคอยเพิ่มเติมความรู้ให้ตลอด

เส้นทางการทำงาน

หลายคนคงอยากรู้ว่าแอร์โฮสเตสทำงานกันอย่างไง สุตาเล่าให้ฟังว่าพวกเธอต้อง
มาก่อนไฟลท์ที่จะบิน 2 ชั่วโมงโดยมาพบกันที่สำนักงานกลาง ทุกคนต้องศึกษาว่า
วันนี้จะบินไปที่นั่นที่นี่ เวลาต่างกันเท่าไหร่ ต้องรู้ว่ากัปตันครั้งนี้ชื่ออะไร พี่หัวหน้าแอร์ คือใครอินไฟลท์เมเนเจอร์เป็นใครมีบริการแบบไหนมีเรื่องพิเศษอะไรบ้าง มีผู้โดยสาร ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษยังไง อาหารที่เสิร์ฟเครื่องดื่มวันนี้เป็นยังไงนอกจากนั้น ทุกคน จะต้องดูวีดีโอ เกี่ยวกับความปลอดภัย ของเครื่องนั้นๆ ที่โดยสาร เพื่อทบทวนและ มีการทดสอบกันอีกทีในห้องก่อน ที่จะออกไปสนามบินด้วยกัน “แล้วเราจะต้องมา ถึงเครื่องก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง พอไปยืนบนเครื่อง คราวนี้จะเป็นเรื่อง ของการ เตรียมการทุกคนที่ได้รับหน้าที่ว่าใครจะต้องประจำอยู่ ณ ตรงไหน ตรวจเช็กอุปกรณ์ ความปลอดภัยของตัวเองให้พร้อม เปลี่ยนชุดเตรียมให้บริการ เช็กอุปกรณ์ทุกอย่าง
อุปกรณ์ความปลอดภัยครบมั้ย ห้องน้ำเป็นยังไง อาหารเป็นยังไงอาหารพิเศษของผู้โดยสาร ที่ต้องดูแล พิเศษมาหรือยัง พอพร้อมแล้วพี่หัวหน้าแอร์ฯจะบอกว่าเตรียมรับผู้โดยสาร ได้เลย ทุกคนก็จะมายืน ประจำเพื่อต้อนรับผู้โดยสาร” ตลอดทั้งเที่ยวบิน พวกเธอก็ ต้องคอยดูแล ผู้โดยสารซึ่งใช้กำลังเยอะ ทีเดียว ทั้งเข็นรถอาหาร เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม ดูแลความเรียบร้อย เรียกว่าต้องเดินตลอดการเดินทาง ทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ฉะนั้นพวกเธอจึงต้องดูแล สุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเสมอ “ชั่วโมงบินมันนาน ตัวเราเอง ก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความดันอากาศ อากาศที่เปลี่ยนแปลง แล้วเราต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ เวลานอนก็ไม่เหมือนคนที่ทำงานประจำ ฉะนั้นเราต้องดูแลตัว เองดีๆ ถ้าไม่ไหวไม่สบาย หรือรู้ตัวว่าตัวเองเป็นหวัด ถ้าเป็นหวัดหูอื้อ ก็จะไม่ไป แต่ถ้ายังขืนขึ้นไปนี่อาการ หูบล็อกมันอันตราย จะไม่ไปเลยนะคะ เพราะว่านอกจาก ไม่ดีกับตัวเองยังไปทำให้เพื่อน เหนื่อยขึ้นอีก ถามว่าเหนื่อยมั้ย ชินแล้ว พอกลับมาเราก็ พักผ่อนเต็มที่ ทางบริษัทเขาก็จัด วันหยุดให้เรา ในการที่จะทำการบินแต่ละครั้งนี่บริษัท คำนวณไว้แล้ว เขาจะมีอัตราค่า ความเหนื่อยให้ว่าเรา จะต้องพักผ่อนเท่าน ี้เพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นทุกอย่าง มันถูกควบคุมด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว เราก็ทำหน้าที่ควบคุมตัวเราเองอีกที เพราะบางทีเราไปในประเทศที่ร้อนจัดแล้วไป ประเทศที่เย็น เราก็ต้องเตรียมตัว”

ความในใจจากแอร์รุ่นพี่
“สำหรับคนที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส ขอให้ตอบตัวเองว่าเรารักงานบริการจริงๆ หรือเปล่า เมื่อตอบได้แล้วให้หาข้อมูลให้มากที่สุด อย่าหยุดฝัน ถ้าเรารู้ว่าวันหนึ่งฝันเราเป็นจริงชีวิตมันก็คุ้มค่า อย่าหยุด อย่าท้อ อย่าคิดว่าเป็นแอร์ฯ ต้องสวยหรือเปล่า ต้องเก่งหรือมั้ย ต้องเรียนเมืองนอกหรือเปล่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ไม่ใช่เลย ถ้าคุณมีคุณสมบัติกำหนด บริษัทก็พร้อมจะเลือก ซึ่งเขาเลือกคนดี เลือกคนที่มีความตั้งใจ”

สิทธิพิเศษของคนเป็นแอร์
มี รายได้รวมสูงกว่าคนทำงานอาชีพอื่นๆ เข้ามาทำงานใหม่ๆ ก็ได้รายได้ประมาณ 40,000-60,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจำนวนรายได้จะขึ้นอยู่กับตารางบินว่าบินระยะใกล้ไกลแค่ไหน ถ้าบินไกล และค้างคืนหลายวันก็ยิ่งได้มาก? เดินทางไปไหนมาไหนแบบฟรี หรือได้สิทธิ์ในการซื้อตั๋วเครื่องราคาถูกมาก? สมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อแม่ ภรรยา หรือสามี และลูก สามารถใช้สิทธิ์เดินทางซื้อตั๋วราคาถูกหรือไปแบบฟรีได้ ถ้าไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการบิน สายการบินจะมีสวัสดิการประกันสุขภาพ สามารถเบิกรักษาพยาบาลได้ทุกแห่งทั่วโลกที่สายการบินมีจุดลง

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ

ผู้ ที่มีความรู้ความสามารถ มีความรับผิดชอบ มีมนุษยสัมพันธ์ และมีความกระตือรือร้น ในการทำงานอยู่เสมอ ย่อมมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งไปสู่ตำแหน่งงานที่สูงกว่าและดีกว่า ตั้งแต่เริ่มแรก คือ เมื่อสจ๊วตและแอร์โฮสเตสได้รับการฝึกอบรมครบ 8 สัปดาห์แล้ว ก็จะเริ่มปฏิบัติงานจริง โดยในช่วงเดือนแรกจะเป็นช่วงของการทดลองงาน (บินภายในเอเชีย) จะมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน จากซุปเปอร์ไวเซอร์ หรือ หัวหน้างาน ซึ่งจะประเมินผล ในทุกๆด้าน เช่น การให้การบริการ การตรงต่อเวลา การร่วมมือประสานงานกัน การแสดงออก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อารมณ์ และทัศนคติ เป็นต้น เมื่อพ้นช่วงทดลองงาน 6 เดือนแล้ว จึงจะได้บินไป ตะวันออกกลางและพอผ่านการทดลองงาน 1 ปี จึงจะได้บินข้ามทวีป แต่ก็ยังคง ทำงานในชั้นประหยัด ( Economy Class ) เหมือนเดิม จนกระทั่ง 1 ปี 6 เดือน จึงจะมีสิทธิ์ สมัครชั้นธุรกิจ ( Royal Executive Class )ได้ การคัดเลือกครั้งนี้จะพิจารณาจาก ประวัติการทำงาน พอพ้นจากชั้นธุรกิจจึงจะมีสิทธิ์สมัครทำงาน ในชั้นหนึ่ง ( Royal First Class ) ทุกครั้งที่เลื่อนชั้นการทำงานก็จะได้รับการอบรมเพิ่มเติมทั้งในด้านอาหาร เครื่องดื่ม การบริการ และการดูแลรักษาความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินเสมอ

นอกจากความก้าวหน้าในการเลื่อนตำแหน่งของชั้นบริการแล้ว แอร์โฮสเตสและสจ๊วต ยังมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งอื่นๆอีก เช่น เลื่อนเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ เป็นครูฝึก เป็นต้น

ความต้องการแรงงาน
การประกอบอาชีพแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้นเป็นอาชีพที่ต้องการความคล่องแคล่ว ว่องไว
ผู้ประกอบอาชีพในตำแหน่งนี้ จึงมักเป็นผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ แต่พอมี
อายุมากขึ้นก็ต้องย้ายไปทำงานในส่วนอื่น ที่มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป จึงทำให้การ
ปลดเกษียณอายุของการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสั้นกว่าการทำตำแหน่งอื่น
( ผู้ที่ปลดเกษียณการเป็นพนักงานต้อนรับ มักจะสามารถทำงานในภาคพื้นดินได้ )
ทำให้ความต้องการของอาชีพนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบกับการขยายตัวของสายการบินต่างๆ
ตลอดจนความเจริญก้าวหน้าทางธุรกิจ ที่เป็นต้นเหตุให้คนในประเทศต่างๆต้องมีการ
ติดต่อกันเพื่อผลทางธุรกิจ จึงทำให้มีผู้คนที่ต้องเดินทางเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ที่มาติดต่อ
ธุรกิจหรือผู้ที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงเป็นอาชีพที่ยัง
เป็นที่ต้องการอยู่ตราบเท่าที่มีการขยายตัวของสายการบินต่างๆทั่วโลก


ชุดแอร์โฮสเตสและสจ๊วตของการบินไทย เมื่อปีพ.ศ. 2513





ชุดแอร์โฮสเตสของการบินไทย เมื่อปีพ.ศ.2524




ชุดแอร์โอสเตสบางกอกแอร์เวย์สเน้นแนวคัลเลอร์ฟูล สีสันสดใส จากรูปกุ้งหอยปูปลา







แอร์โฮสเตสสาวสวยของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส





คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า “แอร์โฮสเตส” หรือ “พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน” คือหนึ่งในอาชีพในฝันของสาวๆ หลายคน อาชีพนี้ถูกเรียกกันติดปากกันว่า “นางฟ้า” เนื่อง จากลักษณะการทำงานจะต้องคอยต้อนรับและดูแลผู้โ ดยสารอยู่บนเครื่องบิน ทำให้ถูกเปรียบเปรยกับนางฟ้าที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า และค่าตอบแทนที่สูงลิ่วคงจะพอทำให้หลายๆ คนอยากยึดอาชีพนี้

นอกจากภาพลักษณ์ที่สวยหรู พื้นฐานภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ ดีเยี่ยม แถมยังมีโอกาสเดินทางไปยังที่ต่างๆ ตามมุมโลกแล้ว ยังมี “เครื่องแบบ” หรือชุดยูนิฟอร์มที่เป็นความภูมิใจของผู้ที่มีโอกาสส วมใส่ชุดแอร์โอสเตสเป็นอย่างยิ่ง


ชุด(ใหม่ล่าสุด)แอร์โฮสเตสการบินไทยที่เน้นสีสันสดใส ดูสบายตา
และ ถ้าหากเป็นสายการบินที่ได้ชื่อว่าเป็นสายการบินแห ่งชาติ หรือสายการบินชั้นนำแล้ว ชุดของลูกเรือเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นหน้าตาขององค์ กร ซึ่งการออกแบบชุดนอกจากจะต้องเอื้อประโยชน์การใช้งาน บนเครื่องบินที่ต้องคอยอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารแล ้ว ทุกรายละเอียดมิเว้นแม้แต่สีที่ใช้ยังเป็นตัวบ่งบอกถ ึงองค์กรด้วย

การบินไทย ถือได้ว่าเป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศไทย มีสโลแกนติดปากว่า “รักคุณเท่าฟ้า” เริ่ม เปิดบริการรับ-ส่งผู้โดยสารมาตั้งแต่ปี 2503 เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 45 ปีมาแล้ว แน่นอนว่าชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต้องผ่านการเ ปลี่ยนแปลงมาหลายครั้งหลายครา นับรวมแล้ว 7 ครั้งและครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 8 ที่การบินไทยจะได้ฤกษ์เปลี่ยนแปลงชุดพนักงานต้อนรับบ นเครื่องบินอีกครั้ง

นิคม ระวียัน ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริหารและพัฒนางานบริการบนเครื่อ งบิน เท้าความให้ฟังว่า ชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของการบินไทยนั้น เริ่มมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ พ.ศ.2503 เลยทีเดียว

“ครั้งแรกนั้นเริ่มปี พ.ศ.2503 ออกแบบโดย ม.จ.ไกรสิงห์ วุฒิชัย ซึ่งถือเป็นดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยในยุคนั ้น ออกแบบโดยใช้สูทสั้นสีม่วงอัญชัน และเสื้อตัวในสีม่วงอ่อน เสื้ออยู่ข้างนอกสีเข้มกว่า กระโปรงสีม่วงอ่อน พร้อมด้วยหมวกสีเดียวกับชุด โลโก้ที่ติดหมวกเป็นรูปนางรำในละครไทย เราใช้เครื่องแบบนั้นอยู่จนถึงปี พ.ศ.2510 แล้วจึงเปลี่ยนโดยให้ ม.จ.ไกรสิงห์ออกแบบอีก 3 ครั้ง” นิคม กล่าว

ต่อมาในปี พ.ศ.2521-2524 จึงได้เปลี่ยนผู้ออกแบบเป็นห้องเสื้อพรศรี และเปลี่ยนโลโก้จากรูปนางรำเป็นจำปีแบบในปัจจุบัน นอกจากนี้ ในช่วงปีนี้เองยังเริ่มใช้สโลแกน “รักคุณเท่าฟ้า” เพื่อให้สอดคล้องกับสโลแกน ชุดจึงใช้ลวดลายที่เป็นก้อนเมฆสีชมพูฟ้า ส่วนเสื้อตัวนอกยังคงสีม่วงเหมือนเดิม
หลังจากนั้นจึงให้ ปิแอร์ บาลแมง(Pierre Balmain) เป็นผู้ออกแบบ โดยมุ่งหวังให้มีความเป็นสากลขึ้น ส่วนครั้งที่ 7 ซึ่งใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 จนถึงปัจจุบันนั้น สุชาติ มิ่งพันธ์ เป็นผู้ออกแบบ ใช้สีม่วงเป็นหลักเช่นเดิมแต่ใช้ฝีมือการทอลายของดอก กล้วยไม้ของจิม ทอมป์สัน และมีสัญลักษณ์การบินไทยที่ปีกและตัวกระดุมที่เสื้อด ้านนอก

การเปลี่ยนชุดพนักงานต้อนรับครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 8 ซึ่งกำหนดว่าจะต้องให้ดีไซเนอร์คนไทยเป็นผู้ออกแบบ และก็ได้ พิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ มา ช่วยดูแลให้ ซึ่งการออกแบบครั้งนี้ได้แนวคิดมาจากการแต่งกายในราช สำนัก และเครื่องประดับของตัวละครไทยโบราณที่มีความงดงาม โดยประยุกต์ให้เข้ากับความโก้และความคลาสสิกของการบิ นไทย วัสดุที่ใช้จะผลิตในประเทศไทยทั้งหมด มีเสื้อตัวในเป็นผ้าไหมที่มีคุณสมบัติไม่ยับง่ายและซ ับเหงื่อ มีความพลิ้วไหวของเนื้อผ้า แต่เพิ่มลูกเล่นโดยใส่ลายกราฟิกลงไป สวมใส่กับรองเท้าสีม่วงเข้ม ส่วนผู้ชายจากที่เข้มๆ แบบทหารก็จะให้มีความเป็นพลเรือนมากขึ้น เครื่องแบบจะเป็นสีเทาดำ

“ตอนแรกจะเป็นเหมือนชุดทั่วไป เป็นยูนิฟอร์มหลักที่ใช้บินในประเทศ จะเป็นเสื้อใส่กับกระโปรง หรือใส่กับกางเกง แล้วมีเสื้อแจ็กเกต ให้มันเก๋ไก๋ ให้มีสีสัน อย่างเช่นถ้าจะไปทางใต้ก็จะมีสายอาดเอวเป็นผ้าบาติก แต่ถ้าจะไปทางอีสานก็จะเป็นผ้ามัดหมี่ ดูมีความหลากหลาย เป็นอะไรที่ไม่น่าเบื่อ ส่วนลายเสื้อตัวในจะเป็นสัญลักษณ์ ตัวโมทีฟ ซึ่งทางอินเตอร์แบรนด์จะใช้ตัวนี้เป็นรูปลักษณ์ของบั ตรโดยสาร จะเห็นว่ารอยหยักโค้งจะมาจากหางของตัวลายดอกจำปีหรือ จะเป็นลายกนก แต่ถ้าเป็นของผู้ชายจะเป็นเสื้อเชิ้ต เนกไท เหมือนกันหมด แต่จะมี 3 แผนก 3 สี ของสจ๊วตจะเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว จะมีปักโลโก้ที่กระเป๋า เป็นอะไรที่ดูแล้วรู้สึกสนุกสนานแต่ถ้าเป็นการบินระห ว่างประเทศก็จะทำให้เป็นสากลมากยิ่งขึ้น” พิจิตรากล่าว

นิคมหวังว่า อย่างน้อยที่สุดในการเปลี่ยนชุดพนักงานต้อนรับในครั้ งนี้ก็เพื่อให้เกิดความสดใสมากขึ้น ใครเห็นก็สดชื่นและดูเป็นสากลขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสื่อถึงความเป็นไทยไปพร้อมๆ กับความทันสมัยที่นับวันจะวิ่งเร็วยิ่งกว่าเข็มนาฬิก า ซึ่งนิคมคาดว่าจะสามารถเปิดตัวชุดใหม่ได้ในราวๆ ต้นปี พ.ศ.2549

ด้านสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่ ประกาศตัวว่าเป็นบูติก แอร์ไลน์ ทำการบินโดยเน้นการพาผู้โดยสารไปยังเมืองท่องเที่ยวเ สียเป็นส่วนมาก ดังนั้นชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงมีสีสันสดใส และลวดลายที่ใช้ยังสื่อถึงความสนุกสนาน เพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง ดังเช่นที่หม่อมหลวง นันทิกา วรวรรณ รองผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ สายการบินบางกอกแอร์เวย์สได้ให้ความเห็นว่า

“สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เป็นสายการบินที่พานักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ย วยังที่ต่างๆ เราแบ่งแหล่งท่องเที่ยวออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทวัฒนธรรม และธรรมชาติ อย่างเช่นทะเล เพราะฉะนั้นสีที่ใช้จึงสดใสและลวดลายที่บ่งบอกถึงแหล ่งท่องเที่ยว เช่นลวดลายกุ้งหอยปูปลาจะแสดงให้เห็นว่าสายการบินของ เราไม่ได้เป็นแบบการบินเพื่อธุรกิจ แต่จะเน้นในเรื่องของการท่องเที่ยวและการพักผ่อน ผ่อนคลาย เพราะฉะนั้น ชุดพนักงานต้อนรับจึงออกมาในแนวคัลเลอร์ฟูล สีสันสดใส รูปกุ้งหอยปูปลา” ม.ล.นันทิกา อธิบาย ก่อนที่จะเล่าเพิ่มเติมว่า

“สำหรับสีฟ้าแกมน้ำเงิน ถือได้ว่าเป็นสีประจำสายการบินของเรา สีอื่นๆ รวมไปถึงลวดลายกุ้งหอยปูปลาถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบ ส่วนผ้าพันคอจะเป็นผ้าบาติกของภูเก็ต ชุดแอร์ก็จะมีเสื้อแขนสั้น และจะมีสูทสีฟ้าแกมน้ำเงินคลุมทับอีกที ส่วนผู้ชายจะเป็นสูทสีเทาและเสื้อตัวในก็จะเป็นเสื้อ เชิ้ตสีพาสเทล (สีอ่อน) โดยจะมีหลายสีสามารถเปลี่ยนได้ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว ชมพู ฟ้าอ่อน

โดยหลังจากที่เราเป็นบูติกแอร์ไลน์ ทุกอย่างก็จะออกแนวเทรนดี้ ทันสมัย ชุดก็ค่อนข้างทันสมัย มีสีสันสดใส เพราะฉะนั้นสีสันสดใสที่เลือกใช้สามารถสื่อถึงองค์กร ในด้านการรีแรกซ์ ผ่อนคลาย สนุกสนานและสดใส เพื่อให้ได้บรรยากาศของการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง” ม.ล.นันทิกา กล่าวทิ้งท้าย

จากอดีตมาจนถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ชุดแอร์โฮสเตสของบ้านเรามีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อ ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหัวใจหลักของพนักงานต้อนรับบนเครื ่องบินอย่างแอร์โฮสเตส หรือสจ๊วต ก็คือ จิตใจที่รักในการบริการ คอยอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารด้วยความเต็มใจและจริง ใจ เพื่อให้เกิดความรู้สึกประทับใจและกลับมาใช้บริการอี กครั้ง

การบินไทยจะเน้นการปฎิบัติการบินที่มีความปลอดภัยสูงแล้วยัง มุ่งเน้นให้บริการลูกค้าให้เกิดความพอใจสูงสุด พนักงานต้อนรับบนสายการบินนั้นเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลกทั้งในด้านบริการ และการมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยบุคคลิกยิ้มแย้ม สุภาพอ่อนหวาน การฝึกอบรมนางฟ้ามือใหม่หัดบินจะใช้เวลาประมาณ 8 สัปดาห์ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ ฝ่ายฝึกอบรมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (QB ) สถานที่ในการฝึกอบรม คือ ศูนย์ฝึกอบรบลูกเรือ สำนักงานหลักสี่ มีอุปกรณ์ในการฝึกอบรมที่ทันสมัย

การบินไทยเน้นเรื่องความปลอดภัยอย่างรัดกุม การเตรียมความพร้อมของพนักงานก่อนปฎิบัติการบินจะต้องมาที่ศูนย์ลูกเรือ ( Crew center ) อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อมาฟังการสรุปข้อมูล ( Briefing ) เกี่ยวกับ Emergency ขั้นตอนการบริการ รวมทั้งรายละเอียดต่างๆและกำหนดการล่วงหน้า

คุณสมบัติทั่วไปของการสมัครแอรฺโฮสเตส

หญิง

  • สัญชาติไทย โสด ( พอเข้ามาแล้วสามารถแต่งงานได้นะครับ = = )
  • อายุไม่เกิน 26 ปี
  • ความสูงไม่ต่ำกว่า 160 Cm น้ำหนักได้สัดส่วน ( ขอ 36- 24-35 ได้มั้ย 555 )
  • ว่ายน้ำได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 50 เมตร โดยต้องว่าท่าฟรีสไสล์ได้

ชาย

  • สัญชาติไทย โสด ผ่านหรือได้รับการยกเว้นการเกณทหาร
  • อายุไม่เกิน 28 ปี
  • ความสูงไม่ต่ำกว่า 165 Cm น้ำหนักได้สัดส่วน
  • ว่ายน้ำได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 100 เมตร โดยต้องว่าท่าฟรีสไสล์ได้

คุณสมบัติด้านอื่นๆ

  • วุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญาตรีหรือ เทียบเท่า ไม่จำกัดสาขา ผู้สำเร็จมาจากต่างประเทศต้องมีหนังสือรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอุดม ศึกษามาแสดงพร้อมกัน
  • ผ่านการทดสอบ TOEIC 600 หรือ TOFEL 500 ขึ้นไป
  • IELTS 5.5 ขึ้นไปผลการรับลองมีอายุไม่เกิน 2 ปึนับถึงวันยื่นสมัคร
  • มี ความรู้ความสามารถในการพูดอ่านเขียนและเข้าใจเป็นอย่างดี และหากมีความสามารถภาษาอื่นโดยเฉพาะ จีน ฝรั่งเศษ เยอรมัน อิตาเลียน ญี่ปุ่น จะเป็นประโยชน์ในการพิจารณ่
  • สุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่สวมแว่นตา
  • มีมนุษย์สัมพันณ์ดี มีความกระตือรือร้น เอาใจใส่ และรักการบริการ
  • มีบุคลิกภาพดี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม www.thaiairways.com ( เข้าไปแล้วหาข้อมูลอะไรไม่ค่อยได้ 55 ) 024241000

แอร์เอชีย

air-asia-airline.jpg image by gracealyssaong

การทำงานของลูกเรือแอร์เอเชียมีความพิเศษกว่าสายการบินอื่น คือสามารถทำงานบนเครื่องบินทั้งที่ขึ้นกับการข่นส่งขนส่งทั้งประเทศมาเลเซีย ปละ ไทย ลูกเรือทุกคนเมื่อผ่านการคัดเลือกให้เป็นพนักงานแล้วต้องได้รับการฝึกอบรม ด้านให้บริการและความปลอดภัยทั้งในเมืองไทยและสำนักงานใหญ่ที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย

เส้นทางของแอร์เอเชียเป็นเส้นทางที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางไม่มาก ดังนั้นการทำงานบนเครื่องบินแต่ละคนประมาณ 4 รอบต่อวัน ไม่มีเที่ยวบืนต้องไปต่างประเทศเหมือนกับสายการบินอื่นเพราะ ที่นี่เป็น low cost airline = =

นางฟ้าสายการบินนี้จะไม่มีการแจกข้าว เเจกน้ำ เเจกขนม หลายคนจึงสงสัยว่า แล้วจะมีนางฟ้าไปทำไร ก็อย่างที่บอกว่าเป็น low cost ดังนั้นหน้าที่ของนางฟ้าก็คือให้ความสะดวกสบายและดูแลความปลอดภัยเก่ผู้ โดยสารตั้งแต่เริมออกเดินจนถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ^ ^ เช่น นางฟ้า สาธิต เรื่องความปลอดภัยบนเครื่องบิน

คุณสมบัติ

  • ต้องมีความสดใส ร่าเริง มีชีวิตชีวาและร้อนแรง ( อันหลังล้อเล่นนะครับ ^ ^ )
  • ชาย หญิง สัญชาติไทย อายุ 20-30 ปี
  • หญิงสูงไม่น้อยกว่า 160 Cm. ชาย 170.
  • สุขภาพและสายตาดี
  • มีทักษะทางด้านภาษาไทยและอังกฤษเป็นอย่างดี
  • ToOEIC 500 ขึ้นไป ก๋าบ

ในแต่ละปีจะเปิดรับประมาณ 2-3 ครั้ง ผู้มีความสามารถทางภาษาจีนจะพิจารณาเป็นพิเศษ เนื่องจากมีแนวโน้มขยายเส้นทางการบินไปประเทศจีน ติดตามข่าวสาร www.airasia.com


ติวแอร์

http://www.tueair.com/

http://www.ielts-toeic.com/

http://www.interacademy.ac.th/airhostess.html?gclid=CKD2jpObjKQCFQYIHAodR2gBHQ

http://www.clicksurepass.com/home.php?popup=1


1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ3 มีนาคม 2565 เวลา 16:48

    Harrah's Philadelphia Casino & Racetrack - KTHR
    Harrah's Philadelphia Casino 김포 출장샵 & Racetrack is located in Chester, 포천 출장마사지 Pennsylvania and is 시흥 출장안마 close to Harrah's Philadelphia Casino and Racetrack. It offers 원주 출장안마 over 1,000 김제 출장마사지 slots, 70 table games,

    ตอบลบ